วันพฤหัสบดีที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

รองเท้าสวมสบาย…สไตล์ โลฟเฟอร์ !!

  
     รองเท้า โลฟเฟอร์ เป็น รองเท้าอีกประเภทที่ได้รับความนิยมอย่างสูง ด้วยจุดเด่นของรองเท้าชนิดนี้คือสวมใส่สบายแมทช์กับลายปริ้นท์โดนใจ ทำให้รองเท้าโลฟเฟอร์ หรือรองเท้าแบบสวม ครองใจสาวๆได้เป็นอย่างดี





นอกจากนี้ยังรวมไปถึงเหล่าเซเลบิตี้ชื่อดังมากมาย เช่น นาตาเลีย โวเดียโนว่า , นิโคล ริชชี , โอลิเวีย ปาเลอร์โม และ เจสสิกา อัลบา ก็ได้ให้ความสนใจและใส่ รองเท้าโลฟเฟอร์คัทชู หรือ รองเท้าแบบสวมอีกด้วย



 


พูดถึงการสวมใส่ รองเท้าโลฟเฟอร์ หรือ รองเท้าแบบสวม ไม่ว่าจะโอกาสใดๆ คุณก็สามารถเลือกดีไซน์ให้แมทช์กับโอกาสนั้นๆได้ เช่น คัทชูแบบหนัง แบบเรียบๆ เล่นสีสันโทนเข้มๆเข้าไป หรือว่าจะใส่ในวันสบายก็ลายปริ้นท์สวยๆ เลือกสีให้เข้ากับชุดที่ใส่อีกหน่อยก็ปรับลุคในวันสบายสไตล์เก๋ๆได้แล้ว


 



หากสาวๆกำลังคิดที่จะใส่ รองเท้าโลฟเฟอร์ คัทชู จงอย่ากลัว เพราะการดีไซน์ของรองเท้าชนิดนี้ ได้ถูกกำหนดให้แมทช์กับเสื้อผ้าทุกประเภท ดังนั้นคุณก็สามารถแต่งตัวตามสไตล์ที่เป็นคุณได้อย่างเต็มที่ โดยที่ไม่ต้องกังวลใดๆทั้งสิ้น


 

ขอขอบคุณบทความแฟชั่น รองเท้าสวมสบาย…สไตล์ โลฟเฟอร์ !! จาก www.zalora.co.th

Bomber Jacket ไอเทมฮิปๆ ใส่กี่ที่ก็ไม่มีเอาท์

เรียกได้ว่า Bomber Jacket (บอมเบอร์แจ็กเก็ต) เป็นไอเทมแฟชั่น อีกชิ้นที่ไม่ว่ายุคไหนก็ไม่มีเอาท์ ใส่กี่ทีก็ยังอินเทรนด์ ก็เพราะมันสามารถปรับตัวเข้ากับเทรนด์ที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆได้ตลอด และหนาวนี้เราก็ยังขอยกให้เสื้อ Bomber Jacket ป็นไอเทมฮิปประจำซีซั่น เพราะลักษณะเด่น ของแจ๊กเก็ตนี้ก็คือ การจั๊มบริเวณเอวและแขนเสื้อบริเวณข้อมือ และยิปยาวด้านหน้า ซึ่งมีทั้งแบบที่เป็นเสื้อเรียบๆ อัดแน่นลวดลายต่างๆ เช่น ลายดอกไม้ ลายทาง เป็นต้น ทำให้เมื่อนำมาแมทชิ่งกับเสื้อผ้าสไตล์ไหนก็ได้ลุคเท่ห์ๆ ทะมัดทแมง สไตล์สาวสปอร์ตเกิร์ลค่ะ ถ้าสาวคนไหนอยากเพิ่มความชิคเข้าไปอีกก็สามารถหยิบเครื่องประดับมาช่วยเสริม ลุคได้ค่ะ เช่นหมวกแก๊ปหรือสร้อยคอ ก็เป็นเอสเซสซอรี่ที่เข้ากั๊นเข้ากันกับ Bomber Jacket นะคะ












 


ขอขอบคุณบทความแฟชั่น Bomber Jacket ไอเทมฮิปๆ ใส่กี่ที่ก็ไม่มีเอาท์ จาก mthai.com และ ภาพประกอบจาก pinterest

15 ซูเปอร์คูล คัลเลอร์บล๊อก สเวตเตอร์

ลมหนาวมาทีไร ได้พัดเอาแฟชั่นเสื้อ สเวตเตอร์ ฮิปๆมาทุกครั้งไป และซีซั่นนี้ขอบอกเลยว่า ไปคราของ ” คัลเลอร์บล๊อก สเวตเตอร์ “ ซึ่งเป็นการแมชชิ่งสีในโทนสีอบอุ่น ได้กลิ่นอายแฟชั่นยุค 80 ส่วนการหยิบเสื้อสเวตเตอร์คัลเลอร์บล๊อก มาใส่นี้ก็แมทง่ายแสนง่าย แค่เพียงจับ คัลเลอร์บล๊อก สเวตเตอร์ มาฟี เจอร์ริ่งกับยีนส์หรือกระโปรงตัวโปรดและรองเท้าส้นสูง ก็ได้แฟชั่นชิคๆ เก๋ๆ เรียบแต่คลาสสิค ต้อนรับรับหน้าหนาวแล้ว เห็นแบบนี้แล้วสาวๆต้องรีบหา สเวตเตอร์ ไอเทมอุ่นกาย อุ่นใจ ต้อนรับหน้าหนาว มาครอบครองกันสักตัวแล้วล่ะคร่า…













ขอขอบคุณบทความ แฟชั่น 15 ซูเปอร์คูล คัลเลอร์บล๊อก สเวตเตอร์ จาก glamour.com

แฟชั่นผ้าตาข่ายติดผม ไอเท็มเริ่ดสไตล์วินเทจ ของเหล่าดารา

ถ้าตอนนี้สาวๆ คนไหนกำลังเบื่อทรงผมเดิมๆ พร็อบเดิมๆของตัวเอง อยากหาลูกเล่นเพิ่มความชิคให้ตัวเองอยู่แล้วหล่ะก็ วันนี้เรามีไอเท็มใหม่ ให้สาวๆ ได้ลองหยิบมาเติมแต่งกันดูค่ะ นั่นก็คือ แฟชั่นผ้าตาข่ายติดผม แสนเก๋ไก๋ อินเทรนด์ ได้ฟีลลิ่งสไตล์วินเทจแบบสุดๆ ที่สำคัญตอนนี้กำลังฮอตฮิตในเหล่า(ดารา)แฟชั่นนิสต้าเมืองไทยเสียด้วย ไม่เชื่อก็ลองดูเหล่าตัวแม่ อย่าง ชมพู่ อารยา, นุ่น วรนุช, พลอย หอวัง, พลอย ชวพร เพราะไม่ว่าจะใส่เข้ากับชุดไหนจะเรียบหรือจะเริ่ด แฟชั่นผ้าตาข่ายติดผมนี้ก็เสริมให้พวกนางดูชิค หรูเริ่ด มากๆ ว่าแต่จะเปรี้ยวแซ่บขนาดไหนนั้น ไปดูแฟชั่นของพวกนางกันเลยดีกว่าคร่าา…












ขอขอบคุณบทความ แฟชั่นผ้าตาข่ายติดผม ไอเท็มเริ่ดสไตล์วินเทจ ของเหล่าดารา จาก mthai.com

Sui He สุดยอดนางแบบแห่งเอเชีย นางแบบ Victoria Secret สวยศัลยกรรม หรือ ธรรมชาติกันแน่!

         สาวเอเชียหนึ่งในนางแบบของ Victoria’s Secret 2013 ก็คือ Sui He สาวจีนวัย 24 ปี เธอเดินแบบให้กับแบรนด์ดังมากกมาย อย่าง  Chanel, Dior,Ralph Lauren, Oscar de la Renta,Dolce & Gabbana และอีกหลายแบรนด์ เธอเป็นนางแบบจีนคนที่ 2 ที่ได้เดินแฟชั่นโชว์กับ  Victoria’s Secret 

 


















ขอขอบคุณบทความแฟชั่น Sui He สุดยอดนางแบบแห่งเอเชีย นางแบบ Victoria Secret สวยศัลยกรรม หรือ ธรรมชาติกันแน่! จาก mthai.com

กระเป๋าแบรนด์ดังสุตฮิต ลองชอม หรือ ชะลอม?




ลองแชมป์ , ลองชอม , หรือ ชะลอม ?? เป็นกระเป๋าแบรนด์เนมสัญชาติฝรั่งเศส อิมพอร์ตจากเมืองปารีส ที่เหล่าสาวๆฮิตกันอยู่ทั่วบ้านทั่วเมือง ความจริงแล้วต้องอ่านว่า ” ลองฌองป์ “ เอาเป็นว่าแล้วแต่สาวๆจะถนัดเรียกดีกว่า ด้วยชื่อเสียงของกระเป๋าแบรนด์ดังนี้ ที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องเรื่อยมา ก็เพราะการดีไซน์ และคุณภาพของกระเป๋าที่ทำเอาทั้งสาวเล็กและสาวใหญ่ต้องกรี๊ดกร๊าดกันเป็นแถว ซึ่งวันนี้เราจะมาเจาะประเด็นร้อนกันว่า ทำไม่ ?? ” ลองฌองป์ ” ถึงได้รับความนิยมอย่างสูง !!



กำเนิด Longchamp แปล ว่า ลู่วิ่งในสนามม้า กับโลโก้นักขี่ม้า ซึ่ง Longchamp ผลิตและก่อตั้งโดย ณอง กาสส์แกรง ออกวางจำหน่ายครั้งแรก ในปี 1975 ในกรุงปารีส ด้วยวัตถุประสงค์ในการใช้งาน คล้ายกับชะลอมของบ้านเรา คือนำมาใช้จ่ายตลาด และถูกพัฒนาปรับปรุงรูปแบบให้แมทช์กับแฟชั่นมากขึ้นจนได้รับความนิยมอยู่ในขณะนี้


กับกระเป๋าหลากสไตล์ อาทิ กระเป๋าใส่ของ กระเป๋าถือ กระเป๋าสตางค์ กระเป๋าเดินทาง และรวมไปถึง รองเท้าและจิวเวอร์รี่ ที่ผลิตจากงานหนัง พร้อมประดับด้วยเพชรสวยหรู เป็นชิ้นงานที่ผสมผสานกันได้อย่างลงตัว กับ ลองชอม


ในเอเชีย แบรนด์ Longchamp ถูกนำมาวางจำหน่ายครั้งแรกที่ฮ่องกง และแพร่ขยายตลาดลงมาสู่ประเทศไทย จนได้รับความนิยม ฮิตติดอันดับกับกระเป๋าขายดีในประเทศไทยไปอย่างง่ายดาย



Le Pliage “เลอ ปียาด” เป็นรุ่นของกระเป๋า Longchamp ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ซึ่ง เป็นดีไซน์สุดฮิต ที่สาวๆไม่ควรพลาดที่จะเก็บเป็นคอลเล็คชั่นให้กับตัวคุณเอง มีทั้งแบบหูสั้น และแบบหูยาว ตามแต่สไตล์การถือของคุณเป็นหลัก




Planetes “พลาเนท” เป็นกระเป๋า Longchamp อีกรุ่น ที่ได้รับกความนิยมจากสาวเอเชีย รวมถึงสาวไทย ที่นิยมนำมาคล้องแขนและสะพายได้ 2 สไตล์แบบเก๋ๆ ในเวลาเดียวกัน ด้วยวัตถุดิบที่ผลิตจากหนังและไนลอนจึงมีความทนทานในการใช้งานมากยิ่งขึ้น ซึ่งไซส์ ของกระเป๋า Longchamp รุ่น Planetes และ Le Pliage ที่ได้รับความนิยมมาก เช่น ไซส์ S หูสั้น, ไซส์ S หูยาว,ไซส์ M หูสั้น, ไซส์ M หูยาว


นอกจากนี้ เสน่ห์ ของกระเป๋า Longchamp ยังไม่หมด ยังมีคอลเล็คชั่นอื่นๆอีกเพียบ ซึ่งรวมไปถึงรุ่น Limited Editions อีกหลายรุ่น ที่เหล่านักดีไซน์เนอร์ ต่างพากันออกแบบลวดลายสวยๆออกมาให้คุณสาวๆหลงไหลและได้จับจองกันมากขึ้นด้วย



ขอขอบคุณบทความ แฟชั่น กระเป๋าแบรนด์ดังสุตฮิต ลองชอม หรือ ชะลอม? จาก  www.zalora.com

สบายทุกอิริยาบถตลอดการตั้งครรภ์ 1-9 เดือน


ลืมไปได้เลยสำหรับการปวดเมื่อยเนื้อตัวช่วง ตั้งท้อง มีเคล็ดลับง่ายๆ ที่จะช่วยให้แม่ท้องเข้าสู่ท่วงท่าที่แสนสบายในทุกอิริยาบถ เพื่อให้ตลอดการ ตั้งครรภ์ นี้ผ่านไปได้แบบสบายๆ เลยล่ะค่ะ
สบายทุกอิริยาบถตลอดตั้งครรภ์2 เทคนิคที่แม่ท้องต้องท่องให้ขึ้นใจและลงมือปฏิบัติด้วย นั่นก็คือ

1.หลังตรง ไม่ว่าจะอยู่ในอิริยาบถไหนก็ขอให้ “หลังตรง” ไว้ก่อน เพราะจะช่วยลดอาการปวดหลังได้ ถ้าคุณแม่ “หลังค่อม” จะทำให้กล้ามเนื้อตึงรั้งมากขึ้น เพราะจะต้องแบกน้ำหนักของท้องที่ใหญ่ขึ้นทำให้ปวดหลังค่ะ

2. เปลี่ยนท่าบ่อยๆ จะช่วยให้เลือดไหลเวียนได้สะดวก เพราะการที่แม่ท้องอยู่ในท่าใดท่าหนึ่งนานเกินไป มดลูกที่ขยายใหญ่ขึ้นจะไปกดทับการไหลเวียนของเส้นเลือด ทำให้เกิดตะคริวหรือปวดเมื่อยได้ง่าย

แม่ท้องกับท่วงท่าต่างๆ ระหว่างตั้งครรภ์

1. เดินสบาย

คือการเดินแบบรักษาสมดุล วางเท้าให้ตรงไปข้างหน้า อย่าให้เท้าปัดออกหรือปัดเข้า หากเท้าปัดเข้าจะทำให้ดูเหมือนเป็ดเดิน หรือถ้าเดินเท้าปัดออกก็จะดูไม่สวย ทำให้ข้อต่อโยกและข้อสะโพกจะรับน้ำหนักมากเกินไป แต่ถ้าเราเดินตรง จะเกิดความสมดุล และข้อจะไม่บิดตัว

2. นั่งสบาย

คือนั่งหลังตรง อาจจะหาตัวช่วยอย่างหมอนนุ่มมารองหลัง หรือรองตามช่วงข้อต่อ ก็จะทำให้แม่ท้องรู้สึกสบายขึ้น หรือจะนั่งบนเก้าอี้ที่มีพนักนุ่มๆ สักหน่อย ในลักษณะกึ่งนั่งกึ่งนอนก็ได้ แล้วหาเก้าอี้มาพาดช่วงขา จะช่วยให้แม่ท้องนั่งได้สบายขึ้นเยอะ

3. นอนสบาย

นอนให้สบายต้องหลังตรง อาจจะหาหมอนใบเล็กๆ ผ้าห่ม หรือผ้านุ่มๆ รองข้างหน้าข้างหลังที่ทำให้แม่ท้องรู้สึกสบาย จะให้ดีควรนอนตะแคงซ้ายหรือขวา และไม่ควรนอนอยู่ท่าเดียวทั้งคืน ควรพลิกตัวเปลี่ยนท่าบ้าง แม่ท้องที่ถนัดนอนหงาย ต้องหาหมอนใบเล็กหรือผ้าห่มมารองตรงเข่า เพื่อไม่ให้ตึงหลังเกินไป และจะช่วยลดการปวดหลังได้ จริงๆ แล้วไม่แนะนำให้นอนหงาย เนื่องจากเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงส่วนปลาย เช่น มือ เท้า สมอง จะอยู่ช่วงกลางลำตัว ถ้านอนหงายน้ำหนักของมดลูกก็จะไปกดทับ ทำให้เลือดไหลเวียนไม่ดี เตียงนอนของแม่ท้องควรแข็งสักหน่อย ที่นอนนุ่มๆ ดูเหมือนน่าจะสบายกว่า แต่จริงๆ แล้วจะทำให้กระดูกไขสันหลังไม่ได้รับการรองรับ ที่นอนที่แข็งนิดหน่อยจะรองรับให้กระดูกสันหลังอยู่ในท่าที่เหมาะสม ไม่ปวดหลัง หมอนหนุนนอนก็ไม่ควรจะสูงเกินไป เพราะหน้าจะเงยขึ้น ทำให้เกิดผิดท่าได้

4. ยกของสบาย

จริงๆ แล้วแม่ท้องไม่ควรยกของหนัก โดยเฉพาะของที่มีน้ำหนักมากกว่า 10 กิโลกรัม เพราะจะทำกล้ามเนื้อยืดได้ง่าย และยังทำให้เกิดอาการเคล็ดได้ง่ายขึ้นด้วย แต่ถ้าจำเป็นต้องยกจริงๆ ท่ายกที่จะช่วยให้แม่ท้องรู้สึกสบายก็คือ การย่อตัวลงไปแล้วยกของขึ้นมา ไม่ควรก้มแล้วยกแบบสมัยที่ยังไม่ท้อง เพราะจะทำให้ผิดท่าและปวดเมื่อยได้ง่าย และไม่ควรเอื้อมหรือปีนขึ้นไปหยิบของจากที่สูง เพราะเสี่ยงต่อการพลาดตกลงมาได้ง่ายเช่นกัน

ขอขอบคุณบทความเกี่ยวกับแม่และเด็ก สบายทุกอิริยาบถตลอดการตั้งครรภ์ 1-9 เดือน จาก นิตยสารรักลูก

เคล็ดลับคลอดง่ายด้วยวิธีธรรมชาติ



สำหรับคุณแม่ที่อยาก คลอดง่าย ด้วยวิธีธรรมชาติมีคำแนะนำเรื่องการเตรียมใจและเตรียมกายง่าย ๆ ดังนี้ค่ะ

1. เตรียมใจ แม้การเจ็บท้อง คลอดลูก จะเจ็บปวดสักเพียงไหน ให้คิดในแง่บวกว่าความมหัศจรรย์ของธรรมชาติในช่วงเวลานั้น เป็นเสมือนบททดสอบที่จะพิสูจน์ว่าคุณพร้อมที่จะเป็นแม่คนแล้วหรือยัง ให้ตั้งใจและเชื่อมั่นว่าร่างกายของเราทำได้ แต่เชื่ออย่างเดียวอาจยังไม่พอ ต้องพยายามทำให้สำเร็จให้จงได้ ลองคิดถึงว่าคนสมัยก่อนส่วนใหญ่ก็คลอดลูกด้วยวิธีธรรมชาติ เพราะเทคโนโลยียังไม่พัฒนา ถ้าคนสมัยก่อนทำได้ เราเองก็ต้องทำได้

2. เตรียมกาย ควรออกกำลังกายง่าย ๆ เบา ๆ อย่างสม่ำเสมอขณะตั้งครรภ์ สร้างความยืดหยุ่นแข็งแรงของร่างกายโดยเฉพาะกล้ามเนื้อและข้อต่อที่เกี่ยว ข้องกับการคลอด ได้แก่ กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน กระดูกสะโพก หลังและขา มีการออกกำลังกายง่าย ๆ หลายแบบแต่ควรระมัดระวังอย่างให้หนักเกินไป ควรเป็นกิจกรรมประเภทยืดกล้ามเนื้อ เช่น โยคะ หรือถ้าไม่ชอบออกกำลังกาย ให้เดินเยอะ ๆ ก็ได้ค่ะ จะช่วยทำให้คลอดเองได้ง่ายขึ้น

ขอขอบคุณบทความเกี่ยวกับแม่และเด็ก เคล็ดลับคลอดง่ายด้วยวิธีธรรมชาติ! จาก th.theasianparent.com

เลือกซื้อเสื้อให้นมให้ถูกใจ


ของใช้สำคัญอีกอย่างของคุณแม่ที่ตั้งใจจะให้นมลูกเองก็คือ เสื้อให้นม ซึ่งทำให้คุณแม่มั่นใจไร้กังวลเวลาให้นมนอกบ้าน ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน เวลาใด การเลือกซื้อเสื้อหรือชุดให้นมมีเคล็ดลับง่าย ๆ ดังนี้

1. เลือกสไตล์การเปิดให้นมในแบบที่คุณแม่ถนัด ปัจจุบันมีเสื้อให้นมที่มีวิธีการเปิดให้นมหลากหลายสไตล์ ได้แก่

- แบบซิปตั้ง/ แบบกระดุมแนวตั้ง เป็นซิปแนวตั้งที่เจาะช่องในระดับอกพอดี ใช้งานง่าย
- แบบซิปสองทาง (แนวขวาง) เป็นซิปแนวขวางที่รูดลื่นได้ยาวตลอดทั้งแนว ทำให้สามารถรูดได้ตามความกว้างที่ต้องการ ทำให้สะดวกในการให้นม

- แบบแหวกหน้า/แหวกข้าง ส่วนใหญ่เสื้อลักษณะนี้จะมีเนื้อผ้าบางเบาใส่สบาย และดูแทบไม่ออกว่าเป็นเสื้อให้นม เพราะซ่อนช่องให้นมไว้ด้านหน้าหรือด้านข้าง

- แบบเปิดหน้า เป็นเสื้อสองชิ้นที่ชิ้นหน้าสั้น ชิ้นหลังคอกว้าง เปิดให้นมได้รวดเร็ว มองแทบไม่ออกเช่นกันว่าเป็นเสื้อให้นม

2. สไตล์โดนใจ เดี๋ยวนี้มีเสื้อให้นมแบบแฟชั่นมาก มายหลากหลายให้เลือก ทั้งแนววัยรุ่น เสื้อยืด แนวผู้ใหญ่ผ้าชีฟอง เดรสออกงานได้ ชุดทำงาน ชุดเที่ยว เป็นต้น คุณแม่ก็ต้องลองเลือกให้ถูกใจ เหมาะกับกาลเทศะและการใช้งานด้วย

3. ไซส์ที่ชอบ ช่วงหลังคลอดหากให้นมลูกเองน้ำหนักคุณแม่จะลงเร็วมาก ถ้าก่อนท้องคุณแม่ผอมบางและชอบใส่เสื้อตัวเล็ก แนะนำว่าอย่าซื้อเสื้อให้นมไซส์ใหญ่หรือฟรีไซส์เพราะเมื่อน้ำหนักลง คุณแม่ใส่แล้วจะหลวมมาก สำหรับคุณแม่ร่างอวบซื้อไซส์ใหญ่หรือฟรีไซส์ได้ไม่มีปัญหาค่ะ

4. ราคาที่ใช่ แน่นอนว่าราคาจะแพงหรือถูกนั้นย่อมขึ้นอยู่กับยี่ห้อ เนื้อผ้า แบบ การตัดเย็บ ถ้าเสื้อให้นมราคาเบา ๆ อยู่ที่ตัวละประมาณ 200-400 บาท คุณภาพการตัดเย็บ และเนื้อผ้าอาจสู้เสื้อให้นมที่ราคาสูงกว่าไม่ได้ แต่หากคุณแม่ซื้อเป็นแบบเสื้อตัวใหญ่ที่ทั้งคลุมท้องและให้นมไปด้วยในตัวได้ ก็ถือว่าน่าจะคุ้มค่าขึ้น

สุดท้ายแนะนำว่าคุณแม่ว่า หัวใจสำคัญในการเลือกซื้อเสื้อให้นมคือ ควรเลือก เสื้อให้นม ที่ใส่สบาย ให้นมถนัด และนอกจากนี้อาจเลือกที่มีสีสันสดใส และอาจมีลวดลายด้วย เพื่อกระตุ้นพัฒนาการด้านการมองเห็นของลูกน้อยค่ะ

ขอขอบคุณบทความเกี่ยวกับแม่และเด็ก เลือกซื้อเสื้อให้นมให้ถูกใจ! จาก theasianparent.com

คุณแม่ตั้งครรภ์กินเจ ดีไหม ?


ช่วงเทศการกินเจ กำหนดเอาวันตามจันทรคติ คือเริ่มต้นตั้งแต่วันขึ้น 1 ค่ำ ถึง ขึ้น 9 ค่ำ เดือน 9 ตามปฏิทินจีนทุก ๆ ปี รวม 9 วัน 9 คืน (ปีนี้ตรงกับวันที่ 5-13 ตุลาคม) การรับประทานนอกจากจะกินเนื้อสัตว์ไม่ได้แล้ว ยังไม่สามารถกินอาหารอื่นๆที่แตกต่างจากการกินมังสวิรัต อีก ตรงที่ งดอาหารที่เป็นเนื้อสัตว์ทุกชนิด นม เนย หรือน้ำมันที่มาจากสัตว์ ไข่ และงดผักที่มีกลิ่นฉุนอีก 5 ชนิดคือ กระเทียม หัวหอม กุยช่าย หลักเกียว และ ใบยาสูบ ซึ่งค่อนข้างที่จะตรงกันข้ามกับความต้องการของคุณแม่ตั้งครรภ์ ที่จำเป็นต้องกินอาหารให้หลากหลายชนิด โดยเฉพาะเนื้อสัตว์และผัก เพื่อได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน เพื่อป้องกันการขาด โปรตีน วิตามิน และกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกาย จึงแนะนำให้ทานมังสวิรัตแทน เนื่อง จากสามารถทาน นม เนย และ ไข่ ซึ่งเป็นแหล่งโปรตีนที่เพียงพอ แต่ถ้าคุณแม่มีความจำเป็นต้องทานเจ จริงๆ คุณแม่ที่ต้องการบำรุงครรภ์จึงต้องเลือกเฟ้นหาอาหารเพื่อให้ไม่ให้ขาดสาร อาหารในช่วงนี้  ดังนั้น นอกจากต้องกินอาหารให้ครบ 5 หมู่แล้ว จำเป็นต้องเน้นสารอาหารอื่นๆที่จำเป็นต่อคุณแม่ตั้งครรภ์

สารอาหารในการบำรุงคุณแม่ตั้งครรภ์

กรดโฟลิค (Folic acid) หรือ โฟเลต (Folate) ทำหน้าที่เพื่อสร้างอวัยวะต่างๆและจะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดความพิการในทารก

โดยทานอาหารประเภท ผักใบเขียว ผักกาดแก้ว ข้าวซ้อมมือ แป้งถั่วเหลือง จมูกข้าวสาลี แคนตาลูป มะละกอสุก กล้วย และ ส้ม

ธาตุเหล็ก เพื่อป้องกันโลหิตจาง เนื่องจากเหล็กเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของเม็ดเลือดแดงที่เป็นตัวนำอาหารและออกซิเจนมาให้ทารกในครรภ์

โดยทานอาหารประเภท ผักใบเขียว ข้าวกล้อง ธัญพืช สาหร่าย ผักโขม ผักบุ้ง ตำลึง ดอกแค ใบชะพลู ถั่วเหลือง

แคลเซี่ยม ช่วยในการสร้างกระดูกและฟันของทารกมีอยู่ใน ผักใบเขียว ธัญพืชต่าง ๆ เช่น ถั่วเหลือง ถั่วแดง เต้าหู้ งาดำ

โปรตีน คุณแม่ต้องนำโปรตีนไปใช้ในการสร้างเนื้อเยื่อ เพื่อสร้างความเจริญเติบโตแก่ทารกในครรภ์ มีอยู่ใน ถั่ว, งา, ลูกบัว, ขนมปังธัญพืช,เส้นก๋วยเตี๋ยว ที่ทำจากถั่วเหลือง แต่ควรเน้นโปรตีนที่ทำจากถั่วเหลืองเนื่องจาก เป็นแหล่งโปรตีนที่สมบูรณ์

วิตามินบี 6 มี ส่วนในการสร้างโปรตีนและเนื้อเยื่อของทารกในครรภ์ จึงดึงวิตามินบี 6 จากคุณแม่เพื่อสร้างอวัยวะต่างๆ มีความจะเป็นต่อการสร้างแอนติบอดี้และเม็ดเลือดแดง และช่วยป้องกันการแพ้ท้องของคุณแม่ได้อีกด้วยมีอยู่ใน แครอท กะหล่ำปลี ข้าวกล้องทั้งเมล็ด ถั่วต่าง ๆ ถั่วเหลือง ข้าวโพด ข้าวสาลี

วิตามินบี 12 ทำหน้าที่สร้างเซลล์เม็ดเลือดแดงปกติ กล้ามเนื้อและซ่อมแซมเซลล์ มีผลต่อการดูดซึมและการใช้โฟเลทในร่างกาย ระยะเวลาในการขาดวิตามินบี 12 อาจใช้เวลานานกว่าจะขาดวิตามิน ดังนั้นการงดรับประทานเนื้อสัตว์ เป็นเวลานานๆ อาจส่งผลให้ขาดวิตามินบี 12 มีอยู่ใน นมถั่วเหลือง เต้าเจี๊ยว ซีอิ๊ว วิตามินชนิดนี้มีมากในเนื้อสัตว์และมีในนมและไข่

วิตามินซี ช่วย ป้องกันโรคและบำรุงรักษาหลอดเลือดให้แข็งแรง และบรรเทาหวัด ลดภูมิแพ้ มีอยู่ใน ผลไม้ เช่น ส้ม ฝรั่ง มะละกอสุก แคนตาลูป สตรอว์เบอรี่ สับปะรด มะเขือเทศ มะนาว รวมถึง ดอกกะหล่ำ กะหล่ำปลี พริกหวาน

ทองแดง ทำ หน้าที่แปรธาตุเหล็ก ให้เป็นฮีโมโกลบิล เพื่อป้องกันโรคเลือดจาง มีอยู่ใน ถั่วลิสง เห็ด งา เมล็ดทานตะวัน มะม่วง องุ่นแดง ลูกพรุน องุ่นดำ มันแกว กล้วย

สังกะสี จำเป็น ต่อเอ็นไซม์หลายๆชนิดในการสังเคราะห์โปรตีน และเป็นเกลือแร่ที่สำคัญในการสืบพันธุ์ มีอยู่ใน จมูกข้าว,แป้งงา,เมล็ดฟักทอง,ผงโกโก้และชอคโกแล็ต,ถั่วลิสง

อย่างไรก็ตามการรับประทานเจ ควรรับประทานในช่วงสั้นๆ เพื่อป้องกันการขาดสารอาหาร หรือควรทานมังสวิรัต เนื่องจากสามารถทานอาหารได้หลากหลายชนิดมากกว่า ในกรณีที่คุณแม่ทานอาหารไม่ เพียงพอ น้ำหนักไม่ขึ้นตามมาตราฐาน หรือน้ำหนักตัวทารกน้อยเกินไปจากการตรวจอัลตราซาวนด์ อาจต้องงดทานเจ

ขอขอบคุณบทความเกี่ยวกับแม่และเด็ก คุณแม่ตั้งครรภ์กินเจ ดีไหม ? จาก Plearnkid.com

5 ภัยเงียบ ยุค 3G ที่ คุณแม่ตั้งท้อง ต้องระวัง


ปัจจุบันเวิร์กกิ้งมัมมีเทคโนโลยีใกล้ตัวให้เลือกใช้หลายอย่างที่ช่วย เพิ่มความรวดเร็ว สะดวกสบายให้กับการทำงาน การดำเนินชีวิตประจำวัน และการเลี้ยงลูก ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ มือถือ เครื่องถ่ายเอกสาร ไมโครเวฟ และเครื่องเล่น MP3 แต่สิ่งเหล่านี้ย่อมมีทั้งข้อดีและข้อเสียที่ควรพิจารณาให้รอบคอบเพื่อจะได้ ใช้งานได้อย่างถูกต้องและปลอดภัยที่สุดค่ะ 5 ภัยเงียบ ยุค 3G ที่ คุณแม่ตั้งท้อง ต้องระวัง มีดังต่อไปนี้ค่ะ

1. คอมพิวเตอร์ 

ใช้อย่างไรจึงปลอดภัย? ในวันหนึ่ง ๆ เวิร์กกิ้งมัมหลายท่านคงต้องใช้เวลาในการนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์โดย เฉลี่ย 6-8 ชั่วโมง มีผลการวิจัยจากต่างประเทศทั้งที่กล่าวว่า คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าและรังสีที่แผ่ออกมาจากคอมพิวเตอร์จะมีผลต่อลูกในท้อง ทำให้เป็นมะเร็ง หรือการอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ทุกวันจะทำให้โอกาสตั้งครรภ์ลดน้อยลง แต่ก็มีการวิจัยอีกหลายชิ้นที่กล่าวว่าการใช้คอมพิวเตอร์ไม่มีความเกี่ยว ข้องกับการตั้งครรภ์และไม่ได้ก่อให้เกิดผลเสียต่อลูกโดยตรง แม้จะยังไม่มีข้อสรุปที่แน่ชัดว่าการใช้คอมพิวเตอร์จะมีผลเสียต่อลูกในท้อง โดยตรงหรือไม่ แต่หากใช้เป็นเวลานาน ย่อมทำให้คุณแม่ มีอาการไม่สบายเนื้อตัว อ่อนล้าหรือมีความเครียดเกิดขึ้นได้ ซึ่งอาการเหล่านี้ย่อมกระทบต่อลูกแน่นอนค่ะ

ตำแหน่งของคอมพิวเตอร์ : เมื่อต้องจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานมักทำให้สายตาล้า ตาแห้ง ระคายเคืองหรือมีอาการสายตาสั้นชั่วคราว จึงควรนั่งให้สายตาอยู่ห่างจากจอไม่ต่ำกว่า 30 เซนติเมตร เพื่อลดปริมาณรังสีที่แผ่ออกมาให้ได้รับน้อยที่สุด รวมถึงการติดแผ่นกรองแสงก็จะช่วยลดไฟฟ้าสถิตและป้องกันแสงสะท้อนเข้าสู่ตา ได้ ภายในห้องควรมีแสงสว่างพอเหมาะ ไม่มืดหรือสว่างจนเกินไป และควรพักสายตาจากหน้าจอประมาณ 5-10 นาที หลังจากใช้งานทุก 1 ชั่วโมง

ท่าที่ถูกต้อง : การนั่งใน ท่าที่ไม่เหมาะสมเป็นเวลานาน อาจทำให้ปวดเมื่อยบริเวณไหล่ คอและหลัง เพราะร่างกายต้องรับน้ำหนักเกินความจำเป็นและทำให้ระบบไหลเวียนเลือดไม่ สะดวก จนเกิดอาการบวมบริเวณมือหรือเท้าได้ ท่านั่งที่ถูกต้องคือนั่งลึกให้เต็มเก้าอี้และหลังพิงพนัก ใช้หมอนหนุนหลังและเก้าอี้ตัวเล็กรองที่เท้า ลุกขึ้นยืนยืดแขนขา เปลี่ยนอิริยาบถในขณะทำงานบ้าง ก็จะช่วยลดอาการตึงของกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ของร่างกายได้

อุปกรณ์ต้องสะอาด : หมั่นทำความสะอาดอุปกรณ์และรอบ ๆ บริเวณคอมพิวเตอร์เสมอ เพื่อไม่ให้เป็นแหล่งสะสมเชื้อโรค

สุขภาพที่ต้องใส่ใจ : การเพ่งจอคอมพิวเตอร์นาน ๆ จะทำให้เกิดความเครียดเพราะสมองต้องทำงานหนัก ทางที่ดีควรหยุดพักบ้างหรือทำงานอย่างอื่นไปด้วย เพื่อลดระยะเวลาทำงานกับคอมพิวเตอร์ให้น้อยลง นอกจากนี้ต้องเอาใจใส่สุขภาพโดยการกินอาหารให้เป็นเวลา ทำจิตใจให้ร่าเริงแจ่มใสอยู่เสมอ ออกกำลังกายเป็นประจำและพักผ่อนให้เพียงพอด้วย

นอกเหนือจากคอมพิวเตอร์แล้ว คุณแม่ก็ไม่ควรนั่งหน้าจอโทรทัศน์เป็นเวลานานเช่นกัน เพราะนอกจากผลกระทบดังที่กล่าวมาแล้ว การนั่งดูโทรทัศน์เป็นเวลานานจะทำให้ปวดเมื่อยร่างกายและอ้วนง่าย เพราะเพลิดเพลินไปกับการดูและการกินขนมจุบจิบในเวลาเดียวกันด้วยค่ะ

2. มือถือ 

ใครว่าไม่อันตราย คุณแม่ควรหลีกเลี่ยงการใช้มือถือเป็นเวลานานในช่วงตั้งครรภ์เนื่องจากในขณะ ที่ใช้งานโทรศัพท์มือถือจะมีรังสีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (รังสีไมโครเวฟ) ออกมา โดยคลื่นความร้อนนี้สามารถทำลายเซลล์ประสาทและเซลล์ตัวอ่อนที่อยู่ในครรภ์ ส่งผลให้ทารกเป็น โรคต้อกระจก ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ สมาธิสั้น พัฒนาการล่าช้า และยังเป็นสาเหตุของโรคเนื้องอกในสมองของคุณแม่อีกด้วย
หากมีความจำเป็นที่ต้องคุยโทรศัพท์มือถือบ่อย ๆ ควรจำกัดระยะเวลาการใช้งานไม่ให้นานจนเกินไป ให้รีบวางโทรศัพท์ทันทีเมื่อรู้สึกปวดหัว แสบร้อนที่หูหรือผิวหนังบริเวณที่ถือโทรศัพท์ ควรใช้สมอลทอร์คแทนการใช้โทรศัพท์แนบหูจะปลอดภัยกว่า เพราะคลื่นจะพุ่งเข้าสู่โทรศัพท์ไม่ได้เข้าสู่ผู้ใช้โดยตรง

สำหรับคุณแม่ที่มีลูกแล้วก็ไม่ควรให้เด็กใช้โทรศัพท์มือถือก่อนอายุ 9 ขวบ เนื่องจากระบบประสาทของเด็กยังพัฒนาไม่เต็มที่ คลื่นความร้อนอาจเข้าไปทำลายสมองและส่งผลต่อพฤติกรรมของเด็ก ทั้งทางด้านการปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้าง นิสัยใจคอและการพูดจาด้วย

3. เครื่องถ่ายเอกสาร 

ปลอดภัยไว้ก่อน เครื่องถ่ายเอกสารเป็นอุปกรณ์สำนักงานอีกหนึ่งอย่างที่ไม่ควรมองข้ามความ ปลอดภัยในการใช้งาน เพราะการใช้งานเครื่องถ่ายเอกสารบ่อย ๆ หรือแม้แต่การนั่งทำงานใกล้เครื่องถ่ายเอกสารนั้น จะทำให้ร่างกายได้รับอันตรายจากรังสีและสารเคมีที่แผ่ออกมาจากเครื่องโดยที่ ไม่รู้ตัว ถ้าไม่ระมัดระวังอาจทำให้เกิดการสะสมในร่างกายและเป็นสาเหตุให้แท้งได้

รังสียูวี : ในการถ่าย เอกสารทุกครั้งควรปิดแผ่นบังแสง เพื่อป้องกันการได้รับรังสียูวีจากแสงที่แผ่ออกมาจากหลอดไฟเป็นเวลานานหรือ ในปริมาณมาก ซึ่งจะทำให้ระคายเคือง เกิดการอักเสบของกระจกตาหรือเกิดผื่นคันตามผิวหนัง

ผงหมึก: ในหมึกของเครื่อง ถ่ายเอกสารระบบแห้งจะมีส่วนผสมของผงคาร์บอนและเรซิน ส่วนผงหมึกของเครื่องถ่ายเอกสารระบบเปียกจะละลายในสารละลายอินทรีย์พวก ปิโตรเลียม หากหายใจผงหมึกเข้าไปในปริมาณมากจะทำให้เกิดการระคายเคืองต่อระบบหายใจ ไอ จาม และทำให้เกิดความผิดปกติต่อทารกด้วย

ก๊าซโอโซน : เกิดจากการอัด ตัวและปล่อยประจุไฟฟ้าที่ลูกกลิ้ง กระดาษ และเมื่อมีการปล่อยแสงยูวีในขณะที่ถ่ายเอกสาร ทำให้ระคายตา จมูก หายใจสั้น วิงเวียนมีอาการล้า โดยเฉพาะคุณแม่ที่มีอาการของโรคทางเดินหายใจ อย่างหอบหืดอยู่แล้ว ควรหลีกเลี่ยงก๊าซโอโซนเป็นอย่างมาก

เพื่อความปลอดภัย ควรหลีกเลี่ยงการใช้เครื่องถ่ายเอกสารบ่อย ๆ ไม่นั่งทำงานใกล้กับเครื่องถ่ายเอกสาร ใส่ผ้าปิดจมูกเพื่อป้องกันฝุ่นจากผงหมึก และอย่าลืมล้างมือให้สะอาดหลังการใช้งานทุกครั้งเพื่อไม่ให้มีผงหมึกหรือสาร เคมีติดที่มือ หากเผลอไปหยิบจับอาหารหรือขนมแล้วกินเข้าไป จะทำให้เกิดการสะสมของสารเคมีและเป็นอันตรายต่อร่างกายได้ค่ะ

4. ไมโครเวฟ
 
อุ่นอาหารอย่างไร ให้อุ่นใจ การอุ่นหรือปรุงอาหารด้วยไมโครเวฟถึงแม้จะสะดวกและรวดเร็วก็ตามแต่หากกิน อาหารที่อุ่นด้วยไมโครเวฟ บ่อยๆ อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงจากการได้รับรังสีไมโครเวฟที่ออกมาในขณะที่อุ่น อาหารสะสมในร่างกาย เป็นสาเหตุให้เกิดความผิดปกติของเซลล์ประสาทและเซลล์ตัวอ่อนที่อยู่ในครรภ์ คุณแม่จึงต้องใช้ไมโครเวฟอย่างระมัดระวังและการกินอาหารที่ปรุงสุกใหม่ย่อม มีคุณค่าทางโภชนาการมากกว่าอาหารที่อุ่นจากไมโครเวฟ

ภาชนะ : เลือกภาชนะใส่อาหารที่จะนำเข้าไมโครเวฟให้เหมาะสม เช่น ชามแก้วทนไฟ ชามกระเบื้อง ภาชนะไม้ ห้ามใช้ภาชนะโลหะ ภาชนะกระเบื้องที่มีขอบสีเงินหรือทอง ภาชนะพลาสติกที่ไม่ทนความร้อน รวมถึง ไม่ควรใช้ไมโครเวฟอุ่นนมในขวดนมด้วย

อาหาร : เลือกปรับอุณหภูมิปานกลางในการอุ่นอาหาร หรืออ่านบนฉลากอาหารก่อนทุกครั้ง ไม่ควรใช้อุณหภูมิที่สูงจนเกินไป เพราะจะทำให้มีการซึมของสารฟอร์มาลดีไฮด์ออกมาในปริมาณที่เป็นอันตรายต่อ ร่างกายได้ และควรใช้ฝาชีหรือพลาสติกทนความร้อนครอบอาหาร (โดยไม่ต้องปิดฝาแน่น) จะช่วยกรองรังสีไมโครเวฟได้ในระดับหนึ่ง

ข้อควรระวัง :
- ไม่ควรให้ดวงตาแนบกับฝาตู้ หรือจ้องมองภายในเครื่อง (โดยเฉพาะเด็กเล็ก ซึ่งคุณแม่ต้องระวังไม่ให้จ้องมองระหว่างการอุ่นอาหาร) ปิดฝาตู้ให้สนิท เพื่อไม่ให้มีคลื่นไมโครเวฟรั่วออกมาระหว่างใช้งาน
- ไม่ควรนำอาหารที่มีผิวมันหรือมีเปลือกแข็งทำให้สุกโดยไมโครเวฟ เพราะความร้อนจะทำให้อากาศภายในอาหารขยายตัวและไอน้ำที่เกิดขึ้นจะมีแรงดัน สูง จนเกิดการระเบิดได้ ควรใช้ส้อมจิ้มที่ผิวหรือเปลือกอาหารให้เป็นรูก่อน เพื่อป้องกันการปะทุที่เกิดจากความร้อนภายใน

5. เครื่องเล่น MP3 

ดังไป นานไป ไม่ดีนะ การฟังเพลงในช่วงที่ตั้งครรภ์เป็นสิ่งที่ดีเพราะจะช่วยให้คุณแม่รู้สึกผ่อน คลาย โดยเฉพาะการฟังจากเครื่องเล่น MP3 เพราะพกพาได้สะดวก ฟังที่ไหนก็ได้ แต่ควรฟังในระดับเสียงและระยะเวลาที่เหมาะสมเพื่อไม่ให้เป็นอันตรายต่อการ ได้ยินของคุณแม่เอง และไม่กระทบต่อไปยังเส้นประสาทด้านการได้ยินเสียงของทารกด้วย

ระดับเสียงที่ฟัง : ไม่ควรเปิดเสียงในระดับที่ดังจนเกินไป ซึ่งระดับเสียงที่ทำให้เกิดอันตราย คือ ระดับเสียงที่ดังมากกว่า 85 เดซิเบล หากใช้หูฟังแบบเสียบหูก็ไม่ควรตั้งระดับความดังของเสียงเกิน 60 เปอร์เซ็นต์ของระดับเสียงทั้งหมด และไม่ควรดังเกิน 70 เปอร์เซ็นต์ เมื่อใช้หูฟังแบบครอบศีรษะ นอกจากนี้ ควรรักษาระดับเสียงที่เปิดให้คงที่ ไม่ควรเพิ่มระดับให้ดังขึ้นเรื่อย ๆ ตามสภาพแวดล้อม เพราะจะเป็นสาเหตุให้การได้ยินเสียงบกพร่องมากขึ้น อีกทั้งเสียงที่ดังมาก ๆ ยังเป็นอันตรายต่อเซลล์รับคลื่นเสียงทำให้เกิดความบกพร่องด้านการได้ยินของ ทารกอย่างถาวรได้

ขอขอบคุณบทความเกี่ยวกับแม่และเด็ก 5 ภัยเงียบ ยุค 3G ที่ คุณแม่ตั้งท้อง ต้องระวัง จาก Mother&Care, healthcorners.com

อยากรู้ไหม?… ผู้ชายรู้สึกอย่างไรเวลาคุณบอกว่า ท้อง !!!


เวลาที่คุณรู้ว่าคุณตั้ง ท้อง ก็มีหลากหลายอารมณ์ถาถมเข้ามาในใจคุณ แล้วความรู้สึกของผู้ชายเวลาที่โดนผู้หญิงบอกว่า ท้อง กับเขา เขาจะรู้สึกและมีปฏิกิริยาอย่างไร เรามาดูกัน

บางคนอาจจะรู้สึกไปในทิศทางที่ตรงข้ามกับคุณ บางคนอาจรู้สึกงงไปสักพักตอนคุณบอกข่าวนี้ การตั้งภรรภ์เป็นเรื่องที่มีผลต่อความรู้สึกของคู่รักเป็นอย่างมาก แม้ว่าคู่นั้นพร้อมจะมีลูกแล้วก็ตาม เรามาดูกันดีกว่าว่าโดยทั่วไปแล้วผู้ชายเขารู้สึกอย่างไรกันเมื่อคุณบอกว่า ท้อง

ปฏิกิริยาเมื่อรู้ว่าภรรยาท้อง #1: ช๊อกแล้วเงียบไป

ปฏิกิริยานี้เกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติโดยเฉพาะกับคู่รักที่ไม่ได้วางแผนจะ มีลูก ผู้ชายส่วนมากต้องใช้เวลาสักหน่อยเพื่อประมวลข้อมูล ดังนั้นไม่ต้องเสียใจไปนะจ๊ะสาว ๆ สำหรับว่าที่คุณพ่อมือใหม่เขาคงกำลังจินตนาการว่าชีวิตเขาจะเป็นอย่างไรเวลา มีลูก ๆ ห้อมล้อมเขา แต่ก็จินตนาการยากพอสมควรเพราะเขายังไม่เคยมีประสบการณ์นี่นา เลยทำให้มีปัจจัยหลายอย่างที่เขาไม่รู้เลยว่าชีวิตจะเป็นอย่างไรต่อไป แน่นอนว่าเขาดีใจแต่นั่นก็หมายความว่าเขาต้องเพิ่มภาระความรับผิดชอบอีก กว่าที่เขาจะแสดงความรู้สึกต่อข่าวดีนี้ออกมา เขาต้องรวบรวมข้อมูลตลอดจนคิดถึงการทำหน้าที่เป็นพ่อที่ดีของลูกด้วย

ปฏิกิริยาเมื่อรู้ว่าแฟนท้อง #2: ไม่เชื่อหูตัวเอง

ฝ่ายชายไม่เชื่อหูตัวเองเป็นเรื่องปกติของคู่ที่พยายามมีลูกกันมาสักพัก ถ้าคุณลองใช้ชุดตรวจครรภ์แล้วบอกสามีว่าน่าจะมีโอกาสท้องนะครั้งนี้ คุณต้องเตรียมใจกับปฏิกิริยานี้ เพราะหลังจากที่พยายามกันมาสักพักสามีอาจจะถอดใจไม่คิดว่านี่คือเรื่องง่าย ก็เลยไม่ค่อยจะเชื่อหูตัวเองสักเท่าไหร่ แต่ก็มีผู้ชายบางส่วนเลือกที่จะปฏิเสธเพราะว่ากำลังช๊อกอยู่ แต่เมื่อเห็นผลตรวจชุดตั้งครรภ์หลาย ๆ ครั้งเขาก็จะเชื่อด้วยสายตาตัวเอง

ปฏิกิริยาเมื่อรู้ว่าแฟนท้อง #3: ตื่นเต้น

ปฏิกิริยานี้คือสิ่งที่ผู้หญิงปราถนามากที่สุด เพราะมันแสดงให้เห็นว่าผู้ชายต้องการจะมีลูกจริง ๆ คุณจะเห็นสามีกระโดดโล่นเต้น หัวเราะไม่หยุด กอดและจูบคุณตลอดเวลา เพราะว่านี่คือข่าวดีที่สุดในรอบปีที่ทั้งคู่ตั้งตารอ แต่สักพักหนึ่งคุณจะเริ่มเห็นความกังวลของเขา สามีประเภทนี้จะคอยดูแลเอาใจใส่คุณอย่างดีระหว่าตั้งท้อง และค่อนข้างดูแลเรื่องอาหารว่าคุณกินอะไรได้บ้าง ไม่ได้บ้างช่วงท้อง

ปฏิกิริยาเมื่อรู้ว่าแฟนท้อง #4: ร้องไห้

ปฏิกิริยานี้อาจพบไม่บ่อยนักในกลุ่มผู้ชาย แต่ก็มีบ้างที่จะน้ำหูน้ำตาเล็ดเมื่อคุณบอกข่าวว่าคุณกำลังท้อง น้ำตาแห่งความสุขนี้รวมกับความตื้นตันใจ สามารถเกิดกับผู้ชายบางคนที่ปกติไม่ค่อยจะแสดงความรู้สึกเท่าไหร่ด้วย แม่ว่าผู้ชายร้องไห้จะเป็นเรื่องแปลกแต่ก็นับว่าเป็นเรื่องธรรมดาในกรณีนี้ ผู้หญิงบางคนชอบผู้ชายที่นิ่งเงียบมากกว่าร้องไห้

ปฏิกิริยาเมื่อรู้ว่าแฟนท้อง #5: ไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย

ผู้ชายบางคนก็ไม่แสดงอาการอะไรเลยหลังจากที่ได้ยินข่าวนี้ เขาก็ยินดีนะแต่ไม่แสดงออก สำหรับบางคนการมีลูกถือเป็นอีกก้าวหนึ่งของความสัมพันธ์ บางคนรู้ก่อนภรรยาหรือแฟนตัวเองเสียอีก บางทีก็รู้สึกแย่เหมือนกันที่สามีไม่มีปฏิกิริยาอะไรเหมือนสามีชาวบ้านชาว ช่องเขา คิดว่าท้องก็เป็นเรื่องธรรมดา แต่การที่สามีคุณแสดงออกแบบนี้อาจสื่อได้ว่าเขาเป็นผู้ใหญ่ มั่นคง ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ดีของคุณพ่อ ไม่ต้องเสียใจไปหรอกค่ะถ้าสามีจะไม่ลุกขึ้นตีลังกากับข่าวนี้

ไม่ว่าคุณจะชอบหรือไม่ชอบปฏิกิริยาที่สามีแสดงออกหลังทราบข่าวว่าคุณตั้ง ครรภ์ อย่าด่วนตัดสินอะไรไป ให้เวลาสามีประมวลข้อมูลเสียก่อนที่คุณจะเหมาสรุปเอาเอง ที่สำคัญควรให้เขารู้ข่าวนี้เป็นคนแรกก่อนเพื่อนนสนิท เพื่อนร่วมงาน หรือญาติ เพราะมันจะไม่เซอร์ไพรส์คุณสามีนะจ๊ะ

ขอขอบคุณบทความเกี่ยวกับแม่และเด็ก อยากรู้ไหม?… ผู้ชายรู้สึกอย่างไรเวลาคุณบอกว่า ท้อง !!! จาก th.theasianparent.com

เทคนิคกินง่ายๆแต่ก็ยังผอมได้


          สาว ๆ ที่อยาก ผอม หุ่นดี ไม่ค่อยจะมีเวลามานั่งเลือกอาหารเพื่อสุขภาพกันเท่าไร บางทีงานก็เยอะกิ๊กก็แยะ รีบๆ เข้าเราก็ต้องคว้าอะไรใกล้มือนี่ล่ะมาประทังชีวิตกันไปก่อน แต่ไม่ต้องกลัว ถึงจะกินแบบง่ายๆ ก็ยังคุมแคลอรีได้ด้วย


มื้อเช้า
 

มื้อเช้าของสายไทยเรามีสองแบบ ถ้าไม่กินข้าวแกงก็ไม่กินเลย แต่ที่จริงเราสามารถทำอาหารเช้าที่เร็วและดีกินเองได้ที่บ้าน เช่น น้ำส้มสักแก้ว กับขนมปังโฮลวีต 2-3 แผ่น นอกจากจะหนักท้องแล้ว คุณค่าอาหารที่ได้เทียบเท่ากับข้าวทั้งจานเลยทีเดียว

มื้อสาย
 
ช่วงสายเป็นมื้อที่ไม่ควรจะกินอะไรหนักๆ เพราะอีกไม่กี่ชั่วโมง เราก็ต้องกินมื้อเที่ยงอีกแล้ว ของจุบจิบรองท้องที่คนไทยเราฮิตติดปากกันนักหนามักจะเป็นพวกลูกชิ้นปิ้ง ผลไม้ดอง ซึ่งแคลอรีสูงลิ่ว วิธีเลี่ยงง่ายๆ คือให้คุณหาซีเรียลบาร์ติดโต๊ะไว้กินรองท้องเวลาหิว 


มื้อเที่ยง
 
มื้อนี้ล่ะตัวร้ายสำหรับสาวทำงาน เพราะเวลาพักมีน้อย หลายคนจึงหาทางออกด้วยการฝากกระเพาะไว้กับฟาสท์ฟู้ดจำพวกแฮมเบอร์เกอร์ ซึ่งเป็นวัตถุต้องห้ามสำหรับลำไส้ของสาวๆ ที่กำลังไดเอท แต่ยังโชคดีที่เราไม่จำเป็นต้องกินแต่แฮมเบอร์เกอร์ เพราะในร้านแฮมเบอร์เกอร์ก็ยังมีเมนูอื่น เช่น สลัดหรือแซนวิชปลา แซนด์วิชจากขนมปังโฮลวีต 


ระหว่างวัน
  เวลาง่วงๆ ซึมๆ เครื่องดื่มแก้ง่วงที่เรามักจะนึกถึงก็คือกาแฟ ยิ่งถ้าเป็นลาเต้แก้วโตๆ ใส่เพียบแถมมีวิปครีมปะหน้า คู่กับคุ้กกี้อีก 2-3 ชิ้น สาวๆ ยิ่งกินกันจนลืมสะกดคำว่าอ้วนไปเลย… เลิกค่ะ… เพราะสามารถอร่อยคล้ายๆ อย่างนั้นได้ในแคลอรี่ที่ต่ำกว่าด้วยชาร้อนกับคุ้กกี้ธัญพืช ช่วยแก้ง่วงได้พอๆ กันแต่แคลอรี่ต่างกันฟ้ากับเหว
 
มื้อดึก
 
นี่คือมื้อที่อันตรายกับความสเลนเดอร์มากที่สุด เพราะมีเวลาให้ชิมนั่นชิมนี่ได้เหลือเฟือ แต่กินเข้าไปไม่เท่าไรก็ได้เวลานอนซะแล้ว ถ้าคุณเกิดหิวขึ้นมากลางดึก ขอแนะนำเป็นนมแบบไขมันต่ำอุ่นๆ สักแก้ว จะช่วยให้หลับสบายขึ้น แถมยังมีไขมันแค่ 3 กรัมเท่านั้น ดีกว่าต้มมาม่าใส่ใข่กันเป็นกองเลย

ขอขอบคุณบทความเกี่ยวกับการลดความอ้วน เทคนิคกินง่ายๆแต่ก็ยังผอมได้ จาก mthai.com