นิสัยซุ่มซ่ามของคุณผู้หญิงที่
เคยซุ่มซ่ามอย่างไร ตั้งครรภ์ แล้วก็ไม่หายหรอกนะคะ
แต่อาจจะต้องเพิ่มความระวังมากขึ้นหน่อย
โดยเฉพาะพฤติกรรมที่เสี่ยงให้เกิดอันตรายมากขึ้น
เห็นทีคุณแม่ท้องทุกคนต้องระวังให้มากเหมือนกันค่ะ
1. ท้องกระแทกกับพวงมาลัยรถยนต์
คุณแม่ ตั้งครรภ์ ที่ขับรถเอง
แม้ไม่เกิดอุบัติเหตุก็อาจจะมีบ้างที่รถเบรกกะทันหันและรุนแรง
จนท้องที่มีขนาดใหญ่อาจจะกระแทกกับพวงมาลัยได้ ซึ่งหากกระแทกในระดับเบาๆ
ก็อาจจะไม่เป็นอันตรายมากนัก แต่ถ้ากระแทกบ่อยๆ
หรือรุนแรงก็ย่อมเกิดอันตรายกับทั้งตัวคุณแม่และลูกในท้องได้
2. ตกบันได ตกส้นรองเท้า(ทั้งส้นเตี้ยและส้นสูง)
คุณแม่ที่รักสวยรักงาม ยังกังวลว่าบุคลิกจะดูไม่ดี
รวมถึงชินและมั่นใจว่าใส่ได้ไม่มีปัญหา จึงยังใส่รองเท้าส้นสูงเหมือนปกติ
ขอบอกว่าช่วงนี้คงต้องงดไปก่อนค่ะ เพราะการใส่รองเท้าส้นสูง
คุณแม่จะต้องเกร็งขาและเกร็งหน้าท้องเพื่อพยายามทรงตัวให้เดินได้ดี
ซึ่งอาการเหล่านี้จะเป็นผลทำให้คุณแม่ปวดขา ปวดหลัง
ซึ่งส่งผลเสียกับสุขภาพค่ะ
ที่สำคัญส้นรองเท้าที่เรียวบางและสูง
คงไม่สามารถรองรับน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นของคุณแม่
จึงอาจจะทำให้คุณแม่เท้าพลิกหรือตกส้นรองเท้า จนเกิดบาดเจ็บขึ้นได้
3. โดนชนแรงๆ ในที่ที่พลุกพล่าน
จะห้ามไม่ให้คุณแม่เดินไปไหนมาไหนเลยคงยากเต็มทีค่ะ ยิ่งคุณแม่ working mom
ก็อาจจะยิ่งยากต่อการที่จะเลี่ยงจากแหล่งชุมชน คนพลุกพล่าน
ก็อาจจะทำให้มีโอกาสที่คุณแม่โดนกระแทกหรือชนขณะที่เดินสวนกับคนอื่นมากขึ้น
4. เข็มขัดนิรภัยรถยนต์รัดท้อง
หากคุณแม่คาดเข็มขัดนิรภัยไม่ถูกต้อง
นอกจากจะไม่ช่วยป้องกันอันตรายที่เกิดขึ้นได้แล้ว
ยังได้รับอาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นได้ด้วยค่ะ เช่น เข็มขัดนิรภัยรัดท้อง
ถูกเข็มขัดนิรภัยรัดแขน
5. นั่งมอเตอร์ไซด์หรือขับรถตกหลุมแล้วกระแทก
หากคุณแม่ต้องนั่งมอเตอร์ไซด์ หรือขับรถเอง
การตกหลุมหรือการกระแทกกระทั้นเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงยาก
ถึงปกติแล้วร่างกายจะมีการป้องกันตามธรรมชาติคือ การที่ลูกอยู่ในโพรงมดลูก
จะมีน้ำคร่ำที่ทำหน้าที่เป็นแอร์แบ็คชั้นดี
ช่วยลดแรงกระทบกระเทือนจากภายนอกลงได้บ้าง
แต่หากได้รับการกระแทกอย่างรุนแรง เช่น ตกหลุมลึกและตกแรง
ก็อันตรายไม่น้อยค่ะ
6. นั่งแล้วลุกขึ้นยืนเร็วเกินไป
อาการปรู๊ดปร๊าด ผุดลุกผุดนั่ง
หรือทำอะไรรวดเร็วนี่ถือเป็นบุคลิกที่สั่งสมมานาน จะให้เปลี่ยนในช่วง 2-3
เดือนแรกคงต้องใช้เวลานะคะ แล้วส่วนใหญ่การลุกขึ้นยืนเร็วๆ
มักจะเกิดกับคุณแม่ท้องอ่อนๆ
7. ลื่น (ในห้องน้ำ บันได)
ด้วยน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น
บวกกับการเคลื่อนไหวที่ไม่คล่องตัวเหมือนตอนที่ยังไม่ตั้งครรภ์
คุณแม่อาจจะเผลอเดินเร็ว ก้าวเท้าไปอย่างไม่ระมัดระวังและไม่มองพื้นบ้าง
เช่น การก้าวขึ้น ลงบันได ด้วยขนาดท้องที่ใหญ่
ก็อาจจะบดบังทัศนียภาพการเดินของคุณแม่
ทำให้มองไม่เห็นขนาดของขั้นบันไดว่ากว้าง ยาว เท่าไหร่
ทำให้การกะระยะผิดพลาดได้ค่ะ
หรือพื้นห้องน้ำที่เคยเข้ามาตั้งหลายปี อาจจะมาลื่นใน ช่วง ตั้งครรภ์
ได้ เพราะจังหวะที่ลื่นไถลไปนั้น
ถ้าเป็นช่วงที่ไม่ตั้งครรภ์ก็คงสามารถเกี่ยว เหนี่ยว ยึด เกาะ ดึง
สิ่งรอบข้างพยุงตัวไม่ให้ล้มลงไปได้
แต่ถ้ากำลังตั้งครรภ์ยิ่งท้องใหญ่ความคล่องตัวก็จะลดลงด้วยนะคะ
8. สะดุด (ทางเท้า โต๊ะ เก้าอี้ สิ่งของ กางเกง กระโปรง)
คงเคยเห็นว่าเก้าอี้ หรือของก็วางอยู่ที่เดิม
แต่เท้าเจ้ากรรมก็พานไปเตะเข้าจนได้ อุบัติเหตุที่มักจะพบในกลุ่มนี้บ่อยๆ
คือ ชนโต๊ะ ชนเก้าอี้ เตะกล่องที่วางบนพื้น ขาเตะขอบประตู หรือหากใส่กางเกง
กระโปรงยาวคุณแม่อาจจะสะดุดกางเกงหรือกระโปรงได้ค่ะ
9. ท้องชนโต๊ะ ชนประตู เพราะกะระยะผิด
จากเดิมที่หน้าท้องเคยแบนราบ แต่เมื่อ ตั้งครรภ์
ด้วยท้องที่โตขึ้นในแต่ละเดือน ด้วยความที่ยังไม่เคยชิน
โดยเฉพาะคุณแม่มือใหม่ก็อาจจะทำให้การกะระยะสิ่งของกับขนาดของท้องที่ยื่น
ออกไปผิดพลาด
จึงอาจจะเห็นคุณแม่ท้องเดินชนของประจำเพราะความไม่เคยชินนี่ล่ะค่ะ
10. เผลอยกของหนัก เกินกำลัง หรือเผลอก้มทั้งๆ ที่ท้องใหญ่
มักจะเกิดกับคุณแม่จอมพลังที่เคยชินกับพฤติกรรมการยกของ (หนัก) เอง ช่วง 9
เดือนเห็นทีต้องถอดชุดมนุษย์จอมพลังออกก่อน กล่องใหญ่ เก้าอี้ตัวยักษ์
หรืองานที่ต้องออกแรง เรียกให้คุณพ่อหรือเพื่อนร่วมงานผู้ชายมาช่วยก่อนค่ะ
ส่วนการเผลอก้มใส่รองเท้า หรือทำอะไรปรูดปราดรวดเร็วเกินตัว
ส่วนใหญ่เกิดจากความเคยชินเดิมๆ ทำไปโดยอัตโนมัติ
หรือคุณแม่บางคนอาจจะลืมไปว่ากำลังตั้งครรภ์ก็มีค่ะ
หากมีอาการเหล่านี้ควรรีบพบคุณหมอด่วนจี๋เลยค่ะ
1. เจ็บท้องตลอดเวลาหลังเกิดอุบัติเหตุ อาจจะเกิดรกลอกตัว มดลูกแตก หรือถ้าเดี๋ยวเจ็บเดี๋ยวหายอาจจะเป็นการเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนดได้
2. มีเลือดออกทางช่องคลอด เลือดออกกะปริดกะปรอย อาจจะเกิดจากการที่รกลอกตัว
3. จากที่ลูกเคยดิ้น กลับไม่ดิ้น
ขอขอบคุณบทความเกี่ยวกับ แม่และเด็ก จาก momypedia.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น